วอลโว่ วี 60 เวอร์ชันล่าสุดถูกส่งลงทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงปลายปีกว่าจะได้ลองสัมผัสสมรรถนะของเอสเตทคาร์ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มีไม่มากนักในตลาดรถยนต์บ้านเรา ที่มีรูปแบบและประเภทของรถยนต์ให้เลือกใช้หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันไป
สำหรับ วอลโว่ วี 60 ที่เรานำมาทำการทดสอบได้แก่ รุ่น T8 Twin Engine AWD Inscription รูปร่างหน้าตาของรถยนต์เอสเตท มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึง วอลโว่ วี 60 ด้วยเช่นกัน ฝากระโปรงด้านหน้าเดินเส้นเน้นสันคมผสานความโค้งมนได้อย่างลงตัว แสดงความเป็นตัวตนของวอลโว่ในยุคปัจจุบัน ด้วยไฟหน้ารูปทรงค้อนทอร์ กันชนด้านหน้าเพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยครีบรีดอากาศสีดำตัดกับสีรถ และเติมความพรีเมียมด้วยชิ้นส่วนโครเมียม
ขยับมาที่ด้านข้าง เพิ่มมิติให้ตัวรถด้วยสันคมและความโค้งเว้าลากยาวบริเวณชายประตูจากซุ้มล้อหน้าไปจนถึงซุ้มล้อหลัง รวมถึงบริเวณเหนือมือจับประตูหลังที่สอดรับกับไฟท้าย เติมความพรีเมียมสร้างความแตกต่างด้วยการเดินเส้นโครเมียมบริเวณกรอบหน้าต่าง ขณะที่หลังคาลาดลงจากด้านหน้าไปยังด้านท้าย เพิ่มความปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยว เพิ่มมิติให้กับหลังคาด้วยสันขอบที่ลากยาวจากด้านหน้าไปยังด้านท้ายทั้ง 2 ข้าง มาพร้อมพานอรามิก ซันรูฟขนาดใหญ่ เพิ่มบรรยากาศได้ดีในยามค่ำคืนหรือในช่วงที่แดดร่มลมตก
ขณะที่ด้านท้ายรถโดดเด่นสะดุดตาด้วยไฟท้ายรูปทรงตัวแอลขนาดใหญ่ อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของรถยนต์วอลโว่ในปัจจุบัน สอดรับกับสปอยเลอร์ด้านบนหลังคาที่โฉบเฉี่ยว เพิ่มสมรรถนะในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ มาพร้อมกันชนท้ายที่ดูแข็งแกร่ง บึกบึน เพิ่มความสปอร์ตด้วยท่อไอเสียคู่ขนาดใหญ่บริเวณด้านซ้ายและขวา รวมถึงชิ้นส่วนพลาสติกสีดำที่ตัดกับสีของตัวรถบริเวณชายด้านล่าง
ภายในห้องโดยสารหรูหรา ภายใต้กลิ่นอายสแกนดิเนเวียน สัมผัสได้จากการตกแต่งในสไตล์ดริฟต์วู้ด บริเวณคอนโซลด้านหน้าที่ลากยาวกินพื้นที่ทั้งบริเวณฝั่งคนขับและผู้โดยสาร รวมถึงช่องระบายอากาศรูปทรงครีบใบพัดขนาดใหญ่ ขนาบจอสัมผัสส่วนกลางขนาด 9 นิ้ว และบริเวณด้านซ้ายและขวาของคอนโซล เติมเต็มความพรีเมียมด้วยหัวเกียร์คริสตัลดีไซน์ใหม่ ที่ออกแบบเพื่อ วอลโว่ วี 60 โดยเฉพาะ เสริมความหรูหราและสะดวกสบายด้วยเบาะหนังแท้ มาพร้อมระบบกรองอากาศ Clean Zone ที่ดักละอองฝุ่น เกสรดอกไม้ อันเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้
ระบบเสียงจาก Harman Kardon ส่งพลังเสียง 600 วัตต์ ไปยังลำโพง 14 ตัว ผ่านช่องกระจายเสียง 12 ช่อง มาพร้อมระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติ สร้างความหนักเบาและระดับเสียงให้มีความสม่ำเสมอ ในขณะที่อัลกอริทึมพิเศษ จะปรับระดับเสียงที่ส่งออกมาเพื่อชดเชยและกลบเสียงรบกวนจากภายนอก ทั้งยังรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto สามารถเลือกรับฟังเพลงได้อย่างสะดวก ผ่านจอสัมผัสภายในรถหรือฟังก์ชันสั่งงานด้วยเสียง
มาพร้อมขุมพลัง T8 Twin Engine Plug-in Hybrid ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ-ซูเปอร์ชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมเกียร์ทรอนิก รีดพละกำลัง 407 แรงม้า สร้างแรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมโหมดการขับขี่ Comfort, Dynamic, Eco และ Individual ที่สามารถปรับเซตได้เอง
เสริมความปลอดภัยด้วยระบบซิตี้ เซฟตี้ ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน หรือแม้แต่สัตว์ขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันการชน ลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุที่มักเกิดขึ้นบนท้องถนนในเมืองเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ โดยระบบจะป้องกันรถก่อนการปะทะด้วยความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือในขณะที่รถติด เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
รวมถึง Pilot Assist ระบบช่วยในการขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ที่จะช่วยในการบังคับและควบคุมพวงมาลัย ทั้งยังปรับตำแหน่งของรถให้วิ่งอยู่กึ่งกลางของเลนบนท้องถนน ซึ่งฟังก์ชันดังกล่าวจะทำงานที่อัตราความเร็วสูงสุดที่ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติสำหรับการจอดแบบขนานและแบบตั้งฉาก ด้วยกล้องช่วยจอด 360 องศา (360° Parking Camera) ที่ช่วยให้การจอดรถทำได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังปลอดภัยในระดับที่น่าพอใจ
ในการทดสอบได้ลองใช้งานทั้งในรูปแบบซิตี้คาร์ ซึ่ง วอลโว่ วี 60 มีความคล่องตัวในระดับที่น่าพอใจ ทั้งยังมีจุดเด่นที่พื้นที่เก็บสัมภาระที่สามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มพื้นที่ได้ถึง 1,440 ลิตร ขนของได้ใกล้เคียงรถอเนกประสงค์ ตอบโจทย์การใช้งานชีวิตคนเมืองได้เป็นอย่างดี ภายใต้รูปโฉมที่งดงามและโดดเด่น โดยส่วนตัวค่อนข้างชื่นชอบรถเอสเตทเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องความสะดวกสบายก็ทำได้เป็นอย่างดี รวมถึงในเรื่องการขับขี่และพละกำลังเครื่องยนต์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังได้ใช้ออกทริปเดินทาง ซึ่งที่นั่งตอนหลังนั่งได้ไม่สบายเท่าที่ควร ทั้งในเรื่องขององศาของพนักพิง รวมถึงพื้นที่เลกรูมที่ค่อนข้างตื้น ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากตำแหน่งการวางแบตเตอรี่ ส่วนในเรื่องของพละกำลังและพวงมาลั ยตอบสนองการใช้งานได้ดี รวมถึงระบบเสริมการใช้งาน อย่าง Pilot Assist และ Adaptive Cruise Control ที่ช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทว่า ช่องเสียบชาร์จ USB มีให้มาน้อยเกินไปสำหรับการใช้งานในยุคปัจจุบัน รวมถึงระบบเชื่อมต่อที่อาจสร้างความหงุดหงิดสำหรับการใช้งานในประเทศที่ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องของลิขสิทธิ์เท่าที่ควร
สรุปหลังการทดสอบ โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์และสมรรถนะ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบของรถอเนกประสงค์ ที่มาในรูปทรงที่สวยงามและคลาสสิก ต่างจากรถยนต์อเนกประสงค์ที่เห็นในท้องตลาด เหมาะสำหรับคนวัยทำงานที่ใช้สัญจรในชีวิตประจำวัน หรือจะใช้ประจำการเป็นรถครอบครัวขนาดย่อมก็พอเหมาะพอควร ส่วนระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่เป็นทางเลือกเดียวนั้น อาจจะใช้ได้ไม่เต็มความสามารถภายใต้ระบบรองรับขั้นพื้นฐานที่ยังไม่ครอบคลุมหรือพอเพียงเฉกเช่นปัจจุบัน
รายละเอียดทางเทคนิค
มิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง (มิลลิเมตร) 4,761 x 1,850 x 1,432
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร) 2,872
ระยะห่างล้อคู่หน้า/คู่หลัง (มิลลิเมตร) 1,610/1,610
วงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) 11.3
เครื่องยนต์ T8 Twin Engine Plug-in Hybrid AWD
เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ-ซูเปอร์ชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า
แบตเตอรี่ ลิเทียม-ไอออน
ความจุแบตเตอรี่ (กิโลวัตต์ชั่วโมง) 11.6
ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมเกียร์ทรอนิก
ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์
ล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้า
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซี.ซี.) 1,969
แรงม้าจากเครื่องยนต์ (รอบ/นาที) 320/5,700
แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้า (แรงม้า) 87
แรงม้ารวมสูงสุด 407
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) 640
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร) 60
ระบบช่วงล่าง หน้า ดับเบิ้ลวิชโบน
หลัง อินทิกรัลลิงก์
ระบบเบรก ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อม ABS, EBD, EBA
ล้อ หน้า/หลัง ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว 5-Multi Spoke Black Diamond Cut
ยาง หน้า/หลัง Continental W 235/40 R19
ราคาจำหน่าย 2,690,000 บาท