โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย สร้างความคึกคักให้กับตลาดรถยนต์ในประเทศไทยด้วย โตโยต้า โคโรลล่า ครอส ที่เปิดตัวครั้งแรกในโลก ณ ประเทศไทย มาพร้อมรูปโฉมที่ปราดเปรียวล้ำสมัยในสไตล์ครอสโอเวอร์ตามสมัยนิยม โดยมีให้เลือกใช้ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และ ไฮบริด มาพร้อมราคาพิเศษช่วงแนะนำ ส่งผลให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากจำนวนยอดจองในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ผ่านมา
โดยรุ่นที่เรานำมาทำการทดสอบนั้นเป็นตัวท็อปเครื่องยนต์ไฮบริด มาพร้อมรูปทรงที่ดูปราดเปรียวผสานด้วยความแข็งแกร่ง พัฒนาขึ้นภายใต้แพลตฟอร์มของโคโรลล่า ซีดาน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ สอดรับกับกันชนหน้าสีดำที่ดูบึกบึน มาพร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED รูปทรงปราดเปรียว เสริมการใช้งานด้วยหลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้าและราวหลังคาสีดำ ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง
ภายในห้องโดยสารออกแบบได้อย่างลงตัวด้วยสีแดง ออกแบบที่ว่างเหนือศีรษะให้สูงพอดี มีความโปร่ง สบาย ไม่อึดอัด เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พนักพิงด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา พนักวางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องระบายอากาศและช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ประตูด้านหลังขนาดใหญ่ขึ้น-ลงจากรถได้อย่างสะดวก มาพร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์ Kick Activated
ด้านขุมพลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2ZR-FXE 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.8 ลิตร มาพร้อมเทคโนโลยีควบคุมระบบการเผาไหม้แบบ Atkinson Cycle พร้อม VVT-I รองรับน้ำมันสูงสุด E20 ผสานการทำงานร่วมกับ มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร มาพร้อมแบตเตอรี่ไฮบริด Ni-MH (Nickel-Metal Hydride) ที่มีขนาดเล็กลง ทว่าสามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้เร็วขึ้น และจ่ายไฟให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมระบบระบายความร้อนใหม่ ช่วยยืดอายุการใช้งานและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
การทดสอบยังคงเป็นการใช้งานจริงในรูปแบบชีวิตคนกรุง ซึ่ง โตโยต้า โคโรลล่า ครอส สามารถตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของความคล่องตัว รวมถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ไฮบริดเจนเนอเรชั่นล่าสุด ที่ตอบสนองคันเร่งได้ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งยังมีอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม ทว่าสิ่งที่ยังขัดใจและอยากได้เพิ่มคือ ระบบออโต้ เบรก โฮลด์ ซึ่งน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับสภาพการจราจรในเมืองกรุง
รวมถึงช่องเสียบชาร์จ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหน้าที่มีมาให้เพียงจุดเดียว ซ้ำยังอยู่บริเวณจอกลางส่งผลให้สายชาร์จค่อนข้างจะเกะกะใช้งานได้ไม่สะดวกเท่าที่ควรจะเป็น ถ้าย้ายลงมาอยู่บริเวณช่องเก็บของคอนโซลกลาง ใต้บริเวณชุดควบคุมระบบปรับอากาศน่าจะเหมาะสมกว่า โดยส่วนตัวอยากให้เพิ่มจำนวนช่องเสียบชาร์จสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าอีกสักหนึ่งช่อง จะได้ไม่ต้องเอื้อมไปเสียบบริเวณห้องโดยสารแถวสอง
นอกจากนี้ยังได้ใช้งานสำหรับออกทริปเส้นทางสั้นๆ การควบคุมรถและพละกำลังรวมถึงระบบช่วงล่างถือว่าทำได้เป็นอย่างดี ทว่าการเก็บเสียงยังเป็นข้อด้อย ทั้งเสียงจากห้องเครื่องที่เข้ามายังห้องโดยสาร รวมถึงเสียงลมและเสียงจากช่วงล่างตัวรถที่ค่อนข้างดังบริเวณห้องผู้โดยสารแถวสอง ส่วนในเรื่องของความกว้างขวางและความสะดวกสบายนั้น อยู่ในระดับที่น่าพอใจ อาจจะมีอาการเมื่อยบ้างสำหรับผู้โดยสารแถวสอง เนื่องด้วยความนุ่มสบายของเบาะนั่งที่ยังต้องทำได้ดีกว่านี้ ส่วนในเรื่องของความชันพนักพิงหลังถือว่าทำได้ดี
สรุปหลังการทดสอบ โตโยต้า โคโรลล่า ครอส โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบทั้งในเรื่องของรูปร่างหน้าตา รวมถึงความกว้างขวางอเนกประสงค์ ที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคตามยุคสมัย ขณะที่สมรรนถะของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ใช้งานได้คล่องตัวทั้งยังค่อนข้างประหยัด แต่ก็ยังมีสิ่งที่ขัดใจและอยากได้เพิ่ม ทว่าโดยรวมถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ สไตล์ครอสโอเวอร์ ที่มีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้ในตลาดปัจจุบัน
รายละเอียดทางเทคนิค
มิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง (มิลลิเมตร) 4,460 x 1,825 x 1,620
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร) 2,640
ระยะห่างล้อคู่หน้า / คู่หลัง (มิลลิเมตร) 1,559 / 1,571
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มิลลิเมตร) 161
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) 5.2
พวงมาลัย พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPSเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซี.ซี.) 1,798
แรงม้าสูงสุด (รอบ/นาที) 98/5,200
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) 142/3,600
มอเตอร์ไฟฟ้า ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร
กำลังสูงสุด (กิโลวัตต์) 53
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) 163
แบตเตอรี่ นิกเกิลเมทัลไฮดราย
แรงดันไฟฟ้า (โวลต์) 201.6
ความจุแบตเตอรี่ (แอมแปร์-ชั่วโมง) 6.5(3)
ระบบส่งกำลัง E-CVT พร้อม Shift Lock
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร) 36
ระบบช่วงล่าง หน้า อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก
ล้อ หน้า/หลัง ล้ออัลลอย 18 นิ้ว
ยาง หน้า/หลัง MICHELIN PRIMACY 4 ขนาด 225/50 R18
ราคาจำหน่าย 1,199,000 บาท