“ทีมงานออโต้อาวส์” ได้มีโอกาสร่วมทำการทดสอบ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ ซึ่งเป็นตัวท็อปและทางเลือกพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการความครบครันทั้งในเรื่องของรูปร่างหน้าตา รวมถึงสมรรถนะการใช้งานที่เหนือกว่า หลังการขยับตัวปรับโฉมของ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่มีการขยับตัวในรอบ 5 ปี ซึ่งยังเป็นผลิตผลในการพัฒนาของทีมวิศวกรชาวไทยเช่นเดิม
สำหรับ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ 2.8 4WD ที่นำมาทดสอบนั้น มาพร้อมกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ดูโฉบเฉี่ยวและทันสมัยยิ่งขึ้น สอดรับกับไฟหน้าฟูลแอลอีดี แบบดูอัลโปรเจคเตอร์ ตามยุคสมัยด้วยเดย์ไทม์ รันนิ่งไลต์ พร้อมด้วยไฟเลี้ยวแอลอีดี แบบซีเควนเชียล ด้านหลังมาพร้อมกันชนดีไซน์ใหม่ ดูมีมิติและบึกบึนยิ่งขึ้น ไฟท้ายยังมาในรูปทรงเดิม ทว่าเปลี่ยนเป็นแบบแอลอีดี มีเส้นสายและลูกเล่นยิ่งขึ้น เติมเต็มด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วดีไซน์ใหม่
โดย โตโยต้า ยังคงชูความโดดเด่นของ โครงสร้างนิรภัย GOA ที่ช่วยดูดซับและกระจายแรงกระแทก ทั้งยังได้เพิ่ม Balance shaft ช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ส่งเข้าสู่ห้องโดยสาร ช่วงล่างด้านหน้าและหลังได้รับการปรับจูนพิเศษเฉพาะรุ่นเลเจนเดอร์ มาพร้อมระบบควบคุมพวงมาลัยแปรผันตามความเร็ว ซึ่งเป็นแบบยุบตัวได้เพื่อป้องกันการกระแทกด้านหน้า มั่นใจด้วยดิสก์เบรกด้านหน้า-หลัง พร้อมครีบระบายความร้อน
ทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย โตโยต้า เซฟตี้ เซนส์ ทั้งระบบความปลอดภัยก่อนการชน, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ, ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ พร้อมด้วยแอคทีฟเซฟตี้ อย่าง ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบป้องกันการส่ายของส่วนพ่วงท้าย, ระบบป้องกันล้อล็อก, ระบบกระจายแรงเบรก และระบบเสริมแรงเบรก ก็ใส่มาให้ครบๆ เช่นกัน
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง 1GD-FTV (High) ขนาดความจุ 2,755 ซี.ซี. ที่ได้รับการอัปเกรดสมรรถนะรีดพละกำลังขยับขึ้นเป็น 204 แรงม้า สร้างแรงบิด 500 นิวตันเมตร ทั้งยังประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ซึ่งไม่สามารถนำเครื่องยนต์เดิมมาอัปเกรดได้ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซิกม่าโฟร์ ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เสริมการใช้งานในรูปแบบออฟโรดด้วยระบบแสดงการเลี้ยวของล้อ รวมถึงระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบแอคทีฟ
ทันสมัยด้วยกล้องมองรอบคัน
ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ให้ปลอดภัย ตอบรับไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันด้วย
แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย และระบบประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อม Kick
Sensor ยกระดับการใช้งานให้กับลูกค้าด้วยระบบ T-Connect ที่สามารถเช็กตำแหน่งรถตามเวลาจริง (Real Time) ได้ทุกที่
ทุกเวลา รวมถึงระบบป้องกันการโจรกรรม (Theft Track) และระบบประสานความช่วยเหลือ
SOS ของโตโยต้าได้ตลอดเวลา
ออกสตาร์ทบนเส้นทางออนโรด โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์
2.8
4WD ให้ทั้งความคล่องตัวและสะดวกสบาย
ทว่าระบบควบคุมการออกนอกเลนยังไม่ค่อยโดนใจสักเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องของเซนเซอร์ที่ยังไม่ค่อยแม่นสักเท่าไหร่
บางครั้งก็ทำงานทั้งที่ยังไม่ได้คร่อมเส้นถนน รวมถึงระบบดึงพวงมาลัยกลับที่ค่อนข้างแรง
ซึ่งดูเหมือนจะสร้างความไม่ปลอดภัยไม่กว่า ซึ่งทาง โตโยต้า
ก็รับทราบฟีดแบ็กและนำไปปรับปรุงแก้ไข
ส่วนไฮไลท์ของการทดสอบอยู่ที่เส้นทางออฟโรดไต่ขึ้นลานร่มร่อนซึ่งอยู่บนเขาระเบิด
ที่มีทั้งเส้นทางลาดชันบวกกับโคลนเลนในบางช่วง สร้างความยากลำบากในการควบคุมรถ
ทว่าด้วยสมรรถนะของ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ 2.8
4WD ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
และเทคโนโลยีเสริมต่างๆ ส่งผลให้สามารถไต่ขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น เมื่อเทียบกับเส้นทางที่มองเห็นด้วยตาในเบื้องต้น
ซึ่ง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
ซิกม่าโฟร์ ผสานการทำงานกับระบบต่างๆที่ใส่เข้ามาเพื่อการใช้งานได้รูปแบบออฟโรด
ได้อย่างยอดเยี่ยม ลุยได้ทั้งเส้นทางที่ลื่นและชันภายใต้ยางเดิมๆที่ใส่มาจากโรงงาน
ต่างจากรถออฟโรดเต็มขั้นที่จอดอยู่บริเวณใกล้ๆกัน ที่มาพร้อมยางและออปชั่นครบครันตามที่รถออฟโรดพึงมี
ตอกย้ำสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมอันเป็นผลิตผลจากการพัฒนาของ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เจเนอเรชั่นล่าสุด
แต่ด้วยราคาค่าตัว 1,839,000 บาท อาจจะส่งผลให้ เลเจนเดอร์
อาจจะยังไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆ แต่ยืนยันได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
รายละเอียดทางเทคนิค
มิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง (มิลลิเมตร) | 4,795 x 1,855 x 1,835 |
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร) | 2,750 |
ระยะห่างล้อคู่หน้า / คู่หลัง (มิลลิเมตร) | 1,540 / 1,555 |
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มิลลิเมตร) | 193 |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) | 5.8 |
ระบบพวงมาลัย | แร็ค แอนด์ พิเนี่ยน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบ VFC |
เครื่องยนต์ | 1GD-FTV(High) 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo Intercooler |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซี.ซี.) | 2,755 |
แรงม้าสูงสุด (รอบ/นาที) | 204/3,400 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) | 500/1,600-2,800 |
ระบบส่งกำลัง | อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift |
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร) | 80 |
ระบบช่วงล่างหน้า | แบบอิสระปีกนกคู่พร้อมคอยล์สปริงเหล็กกันโคลง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ เฉพาะรุ่น LEGENDER |
ระบบช่วงล่างหลัง | แบบโฟร์ลิงค์ พร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง และช็อคแอบซอร์บเบอร์เฉพาะรุ่น LEGENDER |
ระบบเบรกหน้า | ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน |
ระบบเบรกหลัง | ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน |
ล้อหน้า/หลัง | ล้ออัลลอย 20 นิ้ว |
ยางหน้า/หลัง | DUNLOP GRANDTREK PT3 ขนาด 265/50 R20 |
ราคาจำหน่าย | 1,839,000 บาท |