Connect with us

Car

“สวิฟท์” นำทัพ “ซูซูกิ” ล่ายอดขายคลายวิกฤติ

ซูซูกิ สวิฟท์ นำทัพยานยนต์ค่ายซูซูกิ เดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายหลังวิกฤติโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ ผ่าน 9 เดือน โกยไปได้ทั้งสิ้น 17,451 คัน พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้านงานบริการ ขยายเครือข่ายรองรับความต้องการของผู้บริโภค ตั้งเป้าเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการครบ 130 แห่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564

นายมิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากวิกฤติของโควิด-19 แม้การแพร่ระบาดในประเทศไทยจะเบาบางและคลี่คลายไปมาก  แต่สถานการณ์ทั่วโลกและรอบประเทศยังคงมีความน่าเป็นห่วง กระทบต่อการตัดสินใจในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก จึงส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นไปเชื่องช้า โดยเฉพาะในตลาดรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ช่วงครึ่งปีหลังยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายฝ่ายเองก็ต่างคาดหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ น่าจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ”

ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยนับตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2563 มียอดขาย 531,322 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562  ยังคงมีตัวเลขลดลงถึง 30.26% ส่วนทางด้านซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในเดือนกันยายน 2563 มียอดขาย 2,145 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562  คิดเป็นอัตรา 112.60%

โดยยอดขายรวมของรถยนต์ซูซูกิในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2563 มียอดขายอยู่ที่ 17,451 คัน คิดเป็นอัตรา 94.82% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา จำแนกเป็นยอดของ ซูซูกิ สวิฟท์ 7,136 คัน, ซูซูกิ เซเลริโอ 2,856 คัน, ซูซูกิ เซียส 2,278 คัน, ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7 1,104 คัน, ซูซูกิ เออร์ติก้า 2,202 คัน, ซูซูกิ แครี่ 1,828 คัน และ ซูซูกิ จิมนี่ 47 คัน

สำหรับรุ่นที่สร้างยอดขายสูงสุดให้ซูซูกิยังคงเป็นรุ่น ซูซูกิ สวิฟท์ ช่วงเดือนที่ผ่านมาได้ทำการแนะนำ ซูซูกิ สวิฟท์ GL MAX EDITION สปอร์ตแฮทช์แบ็กอีโคคาร์รุ่นพิเศษออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นรุ่นที่ทำการพัฒนาต่อยอดมาจาก SWIFT GL รุ่นมาตรฐาน เพื่อมาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าด้วยราคาเริ่มต้นที่ 541,000 บาท ที่กวาดยอดจองมาแล้วกว่า 1,580 คัน นับตั้งแต่มีการแนะนำเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด “กล่าวว่า ปัจจุบันไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ยังไม่มีวัคซีนเพื่อต้านหรือรักษาออกมาอย่างเป็นทางการ และถึงแม้ประเทศไทยจะปลดล็อค ผ่อนคลายมาตรการความเข้มงวดในการควบคุมโรคหลายๆ ด้านลงแล้วก็ตาม แต่ผู้คนยังคงต้องระมัดระวังตนเองพร้อมทำการปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่ ซึ่งนอกจากทุกคนต้องปรับตัวแล้ว ธุรกิจต่างๆ ก็ต้องปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่เช่นกัน”

“ซูซูกิ มีความพยายามอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด โดยจะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมการวางแผนทางการเงินที่รัดกุมขึ้น เน้นการเก็บออมและสำรองเงินสดไว้ใช้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยด้านสินค้า ลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เลือกใช้เฉพาะสิ่งที่จำเป็นและเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคามากขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่ที่จะใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างรอบคอบและรัดกุม คำนึงถึงเรื่องของราคาและคุณภาพที่เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันให้มีความคุ้มค่าอย่างสูงสุด ซึ่งส่งผลดีให้กับรถยนต์ซูซูกิหลายรุ่นทำยอดขายได้ดีขึ้นในช่วงเวลานี้”

และเพื่อให้สามารถตอบรับต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที ซูซูกิยังได้มีการปรับแผนการผลิตรถยนต์ใหม่เพื่อเร่งส่งมอบรถทุกรุ่นให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วที่สุด โดยจะยึดมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ดีควบคู่ไปกับการพัฒนางานด้านการบริการที่มีมาตรฐาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าผ่านโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ซูซูกิที่ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 124 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้งซูซูกิยังมีแผนในการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องครบ 130 แห่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564

Click to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Must See

Advertisement

More in Car