บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ส่ง R 18 First Edition ลงทำตลาดในประเทศไทย ภายใต้ดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีเสริมการใช้งานครบครัน ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 1,802 ซี.ซี. เคาะราคา 1,150,000 บาท
หลังจากที่ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้เปิดตัวรถคอนเซ็ปต์ของ R 18 ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดี ก่อนที่ ค่ายผู้ผลิตสัญชาติเยอรมัน จะเดินหน้าพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแฟน บีเอ็มดับเบิลยู และ บีเอ็มดับเบิลยู R 18 First Edition ได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถรุ่นดังกล่าวและส่งลงทำตลาดในประเทศไทย “ความโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู R 18 First Edition ใหม่นี้ ยังอยู่ที่ดีไซน์แบบเปลือยที่สะดุดตาด้วยรูปโฉมบีเอ็มดับเบิลยูถึงแก่นแท้ มาพร้อมเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ขนาดใหญ่ และถังน้ำมันทรงหยดน้ำอันเป็นเอกลักษณ์”
“ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้เป็นการผสมผสานความเรียบง่ายและแก่นแท้ของความคลาสสิกให้เข้ากับเทคโนโลยีล้ำยุคอย่างลงตัวเราเชื่อว่าบีเอ็มดับเบิลยู R 18 First Edition ใหม่นี้จะเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แก่เซกเมนต์ครูสเซอร์ได้อย่างแน่นอน” มร.มิเกล ญาเบรส-โปห์ล ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประจำประเทศไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว
บีเอ็มดับเบิลยู R 18 First Edition สืบทอดตำนาน บีเอ็มดับเบิลยู R 5 ทั้งในเรื่องของโครงสร้างเหล็กกล้าสองชั้น รวมถึงถังน้ำมันทรงหยดน้ำและเพลาแบบเปิดเปลือย เสริมลูกเล่นด้วยการทำสีแบบลายเส้นบนตัวถัง โครงสร้างเฟรมและถังน้ำมันสร้างเส้นสายที่เชื่อมต่อกันตั้งแต่หน้ารถไปจนถึงซุ้มล้อหลัง ตอกย้ำความคลาสสิกด้วยการใช้วัสดุโลหะ ตามแบบฉบับมอเตอร์ไซค์คลาสสิก
โดดเด่นด้วยมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อกทรงกลม พร้อมจอแสดงสถานะการขับขี่ที่ปรากฎให้เห็นเฉพาะเวลาเปิดไฟ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมลุคคลาสสิก ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับดีไซน์สุดคลาสสิกได้อย่างลงตัว อาทิเช่น จอแสดงสถานะเกียร์และข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ไฟหน้า Adaptive LED แบบใหม่ พร้อมระบบ Daytime Riding light และ Headlight Pro ในโคมโลหะคุณภาพสูง และไฟเลี้ยว LED ที่ออกแบบเป็นชิ้นเดียวกับไฟท้าย สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบขนาดใหญ่ ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งในด้านดีไซน์และประสิทธิภาพ ยกระดับจากเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศแบบดั้งเดิม โดยเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ทรงพลังที่สุดในบรรดาเครื่องยนต์ประเภทเดียวกัน มาพร้อมความจุ 1,802 ซี.ซี. รีดพละกำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 4,750 รอบ/นาที สร้างแรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที และส่งแรงบิดมากกว่า 150 นิวตันเมตรตลอดในระหว่าง 2,000-4,000 รอบ/นาที
ด้านระบบขับเคลื่อนมาในโครงสร้างเหล็กกล้าสองชั้นอันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยมาตรฐานการผลิตคุณภาพสูงและความประณีตในรายละเอียดต่าง ๆ เช่น การเชื่อมข้อต่อระหว่างโครงสร้างเหล็กและการขึ้นรูปชิ้นส่วนเหล็กหล่อต่าง ๆ นอกจากนี้ สวิงอาร์มหลังยังได้รับแรงบันดาลใจจากบีเอ็มดับเบิลยู R 5 ยึดต่อกับเพลาหลังด้วยข้อต่อสลักเกลียวแบบดั้งเดิม
ระบบช่วงล่างของบีเอ็มดับเบิลยู R 18 First Edition คงความคลาสสิกด้วยช่วงล่างแบบเทเลสโคปิกแทนการควบคุมด้วยไฟฟ้า มีคานรับน้ำหนักกลางที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ เพื่อการควบคุมที่เฉียบคมและนุ่มสบาย แกนโช้คหน้ามีเส้นผ่าศูนย์กลาง 49 มิลลิเมตร ระยะยุบตัวโช้คหน้า 120 มิลลิเมตร และระยะยุบตัวโช้คหลัง 90 มิลลิเมตร ระบบเบรกแบบดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้า และดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลัง มาพร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบตายตัว 4 ลูกสูบ เสริมลุคให้สะดุดตายิ่งขึ้นด้วยล้อซี่ลวด
เสริมสมรรถนะการใช้งานด้วยโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ “Rain”, “Roll” และ “Rock” สามารถเลือกปรับใช้ตามความชอบเฉพาะตัว เสริมความปลอดภัยด้วยฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมระบบล็อก, ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ (ASC), ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) จากการชะลอตัวหรือลดเกียร์, ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (Hill Start Control), ระบบเกียร์ถอยหลัง (Reverse Gear), ระบบสัญญาณกันขโมย, ระบบป้องกันรถกระชาก (Anti-hopping Clutch) และระบบ Dynamic Brake Control หรือ DBC เสริมความล้ำสมัยด้วยระบบสตาร์ทแบบไร้กุญแจ (Keyless Ride)
สำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู R 18 First Edition เคาะราคาจำหน่าย 1,150,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) มาในสีดำ Black Storm Metallic ตัดกับลายเส้นสีขาวบนตัวถัง ชิ้นส่วนโครเมียม ลูกเล่นป้ายสลัก BMW บนเบาะที่นั่ง และป้ายสลักโครเมียม “First Edition” ข้างตัวถัง พร้อมเอาใจเหล่าไบค์เกอร์ที่ต้องการเสริมลุคคลาสสิกแบบพันธุ์แท้ ด้วยเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์สำหรับขับขี่มอเตอร์ไซค์ในคอลเล็กชัน Ride & Style เพื่อสร้างสุนทรียภาพในการขับขี่ครอบคลุมทุกมิติของไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น
