เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) สานโครงการ Charge to Change ต่อเนื่อง เน้นย้ำความเชื่อการชาร์จไฟฟ้าสามารถทำให้โลกดีขึ้นได้ เดินหน้าขับเคลื่อนสังคมยายนต์พลังงานไฟฟ้า ล็อกเป้ามีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไลน์อัป 100% ภายในปี 2039
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)
ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ที่เข้ามาลงทุนและทำตลาดในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน มองเห็นว่า
บริษัทฯ สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้อากาศสะอาดขึ้นได้เช่นกัน
ด้วยรถยนต์รุ่นปลั๊กอินไฮบริด ซึ่ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ เริ่มต้นทำตลาดรถยนต์ประเภทนี้ทั่วโลกมาตั้งแต่ปี
2559 และจำหน่ายไปแล้วกว่า 20,000 คันในประเทศไทย
โดยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดนั้นสามารถมอบการเดินทางที่ปราศจากมลพิษให้กับผู้ขับขี่ได้
เพียงแค่ขับขี่ด้วยโหมดการขับขี่ไฟฟ้าในทุกวัน ผู้ใช้รถก็สามารถมีส่วนช่วยลดปริมาณฝุ่นPM 2.5 ได้ทันทีในทุกการขับขี่
โดยไม่จำเป็นต้องเป็นรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เท่านั้น แต่ผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจากแบรนด์ใดก็ตาม
สามารถมีส่วนช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาดขึ้นได้เช่นกัน
และได้เปิดตัวโครงการ “Charge
to Change” ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความเชื่อที่ว่าการชาร์จไฟฟ้าสามารถทำให้โลกดีขึ้นได้เช่นกัน
โดยจุดมุ่งหมายหลักของโครงการฯ
คือการกระตุ้นและเชิญชวนให้ผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด
เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศของฝุ่น PM 2.5
เนื่องจากข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุชัดเจนว่า มากกว่าร้อยละ 50 ของฝุ่นละออง PM
2.5 นั้น มาจากการเดินทางโดยรถยนต์ และเฉพาะในกรุงเทพฯ
เพียงเมืองเดียวก็มีจำนวนรถยนต์จดทะเบียนอยู่มากกว่า 10 ล้านคัน ปัญหา PM 2.5 จึงยังเป็นปัญหาใหญ่ที่คนไทยทุกภาคส่วนต้องหันมาร่วมมือกันแก้ไข
เพื่อร่วมกัน สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการ
“Charge
to Change” อย่างต่อเนื่อง
เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้มากขึ้น
จากนั้นจะมุ่งสร้างเครือข่ายการชาร์จที่มีความพร้อมและสะดวกมากขึ้นสำหรับผู้ใช้รถ
เพื่อไปสู่บรรทัดฐานใหม่ในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นพื้นที่ของการขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด
ลดปัญหามลภาวะทางอากาศ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
และสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว
โดย เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ในบทบาทของผู้นำยานยนต์พลังงานทางเลือก ที่เดินหน้าเสริมไลน์อัปด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนแนวทางการลดมลพิษในอากาศ หลังได้ร่วมมือกับ หอการค้าเยอรมัน-ไทย และบริษัทสมาชิก เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเพื่อร่วมขับเคลื่อนแนวคิดและความมุ่งมั่นดังกล่าว ซึ่งภายเอกชนก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนภาครัฐบาลอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน ซึ่ง ค่ายดวงดาว ตั้งเป้าที่จะมียานยนต์พลังงานไฟฟ้า เต็มไลน์อัป 100% ในปี 2039