ค่ายโตโยต้า คัมแบ็กสู่เวทีทางฝุ่นชิงแชมป์โลก (WRC) ในปี 2017 โดยใช้รถแข่งโตโยต้า ยาริส ดับเบิลยูอาร์ซี ลงทำการชิงชัย ภายใต้สังกัดโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ดับเบิลยูอาร์ที พร้อมดึงอดีตแชมป์โลกเวิลด์แรลลี่ 4 สมัย อย่าง ทอมมี่ มาคิเน่น ร่วมพัฒนา รวมถึงใช้ขุนพลนักขับสายเลือดฟินน์ ลงทำการชิงชัยและคว้าแชมป์แรกมาครองได้ในรายการแรลลี่ สวีเดน จากผลงานของ ยารี มัตติ ลัตวาล่า
ก่อนจะผงาดคว้าแชมป์โลกประเภททีมผู้สร้างได้ในฤดูกาล
2018
รวมถึงแชมป์โลกประเภทนักขับจากผลงานของ อ๊อท ทานัค ดาวขับเอสโตเนียน
ในฤดูกาล 2019 และ เซบาสเตียน โอกิเยร์ ยอดนักขับเฟรนช์แมน
ที่เพิ่งฉลองแชมป์โลกสมัยที่ 7 ร่วมกับต้นสังกัด
หลังผ่านการชิงชัยในสนามสุดท้ายของฤดูกาลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นับเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมของ ทีมแข่งสัญชาติญี่ปุ่น ภายใต้รถแข่งโตโยต้า ยาริส
ดับเบิลยูอาร์ซี ซึ่งเป็นต้นแบบของ GR Yaris ที่ถูกส่งลงทำตลาดเอาใจแฟนโตโยต้า
สำหรับ
GR
Yaris ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์
เพื่อให้ตัวรถลู่ลมและลดแรงเสียดทานให้เหลือน้อยที่สุด
แนวหลังคาด้านท้ายที่ลาดต่ำลงและเชื่อมต่อกับสปอยเลอร์หลังคายังช่วยสร้างแรงกดลงบนตัวรถขณะเคลื่อนที่
ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ลดน้ำหนักของตัวรถด้วยฝากระโปรงหน้า-หลัง
และประตูซ้าย-ขวา ที่ผลิตจากอลูมิเนียม รวมถึงหลังคาที่ใช้คาร์บอนไฟเบอร์หล่อขึ้นรูป
ทว่ายังคงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งและทนทาน มาพร้อมแบดจ์ GR บริเวณกระจังหน้า,
แก้มทั้ง 2 ข้าง และด้านท้ายรถ
ภายในห้องโดยสารเสริมความสปอร์ตและแสดงความเป็นตัวตนด้วยชุดแต่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ด้วยเบาะคู่หน้าทรงสปอร์ตใช้วัสดุหนังกลับตัดสลับ Ultrasuede ตกแต่งด้วยโลโก้ GR บริเวณหัวเบาะ รวมถึงพวงมาลัยหุ้มหนัง
3 ก้านที่มาพร้อมโลโก้ GR บริเวณด้านล่างของก้านแนวตั้ง
ตอกย้ำความเป็นสายพันธุ์รถแข่งทางฝุ่นด้วยแพลท WRC บริเวณคอนโซลกลาง
เติมเต็มด้วยดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหน้าแบบ 4 พอต ด้านหลังแบบ 2 พอต
โดดเด่นด้วยคาลิปเปอร์สีแดงพร้อมสัญลักษณ์ GR
GR
Yaris ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน รหัส G16E-GTS
แบบแถวเรียง 3 สูบ เทอร์โบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด
1.6 ลิตร ซึ่งเป็นขุมพลังใหม่ล่าสุด ทั้งยังเป็นเครื่องยนต์ 3 สูบ ที่ให้พละกำลังสูง
ด้วยความแรงระดับ 261 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร
ผสานการทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 จังหวะ iMT (Intelligent Manual
Transmission) ส่งผลให้ร่างทรงของรถแข่ง WRC สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง
230 กิโลเมตร/ชั่วโมง
โดยพละกำลังทั้งหมดถ่ายทอดลงสู่พื้นผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สไตล์สปอร์ต GR-FOUR ทั้งยังสามารถเลือกโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพถนนและสไตล์การขับขี่ได้ 3 รูปแบบ แยกแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ได้แก่ Normal (60/40), Sport (30/70) และ Track (50/50) เสริมความมั่นใจด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบดับเบิ้ลวิชโบน ที่ปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อการขับขี่สไตล์สปอร์ต ช่วยให้การทรงตัวและยึดเกาะสามารถทำได้อย่างมั่นคงบนทุกสภาพการใช้งาน