เอ็มจี
เซลส์ (ประเทศไทย) เขย่าตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ด้วย เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี รถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด จัดเต็มด้วยออปชั่นและเทคโนโลยีเสริมการใช้งานครบครัน เคาะราคาขาย
1,359,000 บาท พร้อมอัดโปรโมชั่นเด็ดกระตุ้นการตัดสินใจ ตั้งเป้าเก็บยอดขาย
800 คันช่วงโค้งสุดท้ายของปี
หลังผ่าน 9 เดือนแรกของปี
แบรนด์เอ็มจี สามารถเก็บยอดขายสะสมไปได้ทั้งสิ้น 18,699 คัน
ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มายอดขายสะสม 18,689 คัน นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ
สำหรับช่วงเวลาไม่ปกติของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่โดนวิกฤติโควิด-19 แช่แข็งนับตั้งแต่ต้นปี
ก่อนจะปลดล็อกและเริ่มเก็บเกี่ยวยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำในงานบางกอก
อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ขยับตัวครั้งสำคัญด้วยการเปิดตัว
เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี รถยนต์อเนกประสงค์รุ่นแรกของ แบรนด์เอ็มจี ในประเทศไทย
ที่มาพร้อมขุมพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด
โดยหวังเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ทั้งยังเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์
หลังผงาดขึ้นครองบัลลังก์เจ้าตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ในประเทศไทย ได้ภายใน 7 ปีนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
มร.จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“เอ็มจี ก้าวเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งต้องเผชิญกับการตั้งคำถามและความท้าทายมากมาย
ทว่าจากความทุ่มเททำงานอย่างหนักส่งผลให้มีผู้บริโภคที่ชื่นชอบแบรนด์และรถยนต์เอ็มจีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และเรายังคงเดินหน้าผลักดันผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง”
“ควบคู่ไปกับการยกระดับการให้บริการที่ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตลาดรถยนต์เมืองไทย
และต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รถยนต์คันที่ 100,000 ได้ผลิตออกจากโรงงานของเรา
ซึ่งก็คือ นิว เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี ที่เปิดตัวในวันนี้
ถือเป็นรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบที่สี่ต่อจากเครื่องยนต์เบนซิน
เครื่องยนต์ดีเซล และรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา
เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย”
สำหรับ เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี เป็นโมเดลรุ่นล่าสุด
มาพร้อมแนวคิด REFINEMENT ต่อยอดความโดดเด่นจาก เอ็มจี
เอชเอส เพิ่มความเหนือระดับทั้งในเรื่องของสมรรถนะที่เป็นเยี่ยม ภายใต้เทคโนโลยีขั้นสูงของระบบ
ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รวมถึงการออกแบบที่สวยงามลงตัว ทั้งยังติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยมาแบบครบครัน
ชูความหรูหราเหนือระดับภายใต้เทคโนโลยีขั้นสูง
ขับเคลื่อนด้วยระบบ ปลั๊ก-อิน
ไฮบริด ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงนวัตกรรม
แฮร์พิน ดีไซน์ พร้อมแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน ขนาดใหญ่ 16.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง
และระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ EDU II – 10 Speeds ให้พละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า สร้างแรงบิดสูงสุด
480 นิวตันเมตร สามารถเลือกขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้ไกลสูงสุดถึง 67
กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็มหนึ่งครั้ง
ครบครันด้วยระบบความปลอดภัยเหนือระดับมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System มากถึง 25 ระบบ และเพิ่มความหรูหราของการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยสี 2-Tone Monaco Blue พร้อมวัสดุผิวสัมผัสนุ่มแบบ Soft Touch เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat ที่โอบกระชับ ภายในห้องโดยสารเงียบยิ่งขึ้นจากการเพิ่มฟิล์มกันเสียงและแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร
รวมถึงหลังคาพาโนรามิค ซันรูฟ ขนาดใหญ่ถึง 1.1 ตารางเมตร เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทาง พร้อมเสริมความสะดวกสบายในการขับขี่ด้วยหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว และจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ยกระดับด้วย BOSE 8.1 Sound System รวมถึงระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย
โดย เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี มีสีภายนอกให้เลือกใช้ทั้งสิ้น
3 สี ได้แก่ สีขาว Arctic White มาพร้อมสีภายในแบบ
2-Tone Monaco Blue ในขณะที่ตัวถังสีแดง Scarlet Red และสีดำ Black Knight มาพร้อมการตกแต่งภายในสีดำตัดด้วยการเดินด้ายสีแดง
ขายราคาเดียว 1,359,000 บาท
ทั้งยังสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการรับประกันแบตเตอรี่นานถึง 8 ปีไม่จำกัดระยะทาง
ทั้งยังกระตุ้นการตัดสินใจด้วยโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ออกรถภายในปีนี้ด้วย การแถม โฮม ชาร์จเจอร์ พร้อมติดตั้งฟรี รวมถึงประกันภัยชั้น 1 และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง โดย เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) พร้อมส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ในเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป และคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค วางเป้าเก็บยอดขาย 800 คัน ภายใน 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้